✨ 7 กิจกรรม ”เล่นกับลูก” ที่บ้าน 🏠 ช่วงวิกฤตโควิด-19✨
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ใช้เวลาอยู่กับลูกมากขึ้น เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้การทำงานอยู่ที่บ้าน (Work from Home) หรือการอยู่บ้านเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวเองและลูกๆ และช่วยลดการแพร่ระบาดของคนในประเทศอีกด้วย หากท่านใดกำลังมองหากิจกรรมทำในช่วงเวลาที่ต้องอยู่บ้าน วันนี้เราขอแนะนำกิจกรรมสนุกๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเล่น กับลูกได้ ไปดูกันเลยดีกว่าค่า
1.เล่นบทบาทสมมติ
จินตนาการสำหรับเด็กเป็นสิ่งสำคัญ การเล่นบทบาทสมมติกับลูกของคุณ จะทำให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ แถมเรายังสนุกไปกับการมีส่วนร่วมกับลูกของเราได้อีกด้วย
2.ทำอาหารพาเพลิน
ลองให้ลูกของเราได้มีส่วนร่วมในการทำอาหารด้วยสิคะ นอกจากน้อง ๆ จะได้ลองทำกิจกรรมใหม่ ๆ แล้ว ยังเป็นการแบ่งเบาภาระของคุณพ่อคุณแม่ได้ด้วย และเป็นการฝึกทักษะในการใช้ชีวิตประจำวันที่ได้ความเพลิดเพลินอีกด้วยค่ะ
3.เกมล่าสมบัติ
หนึ่งในเกมยอดฮิตในช่วงเวลาที่ไม่มีอะไรทำอยู่บ้าน คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างเกมง่ายๆ ที่ให้ลูกได้มีส่วนร่วมอย่างเช่น เกมล่าสมบัติ เพียงแค่นำของใช้ ของเล่น ไปซ่อนตามที่ต่าง ๆ ในบ้าน และสร้างแผนที่หรือปริศนา ให้ลูกของคุณได้ตามหาสมบัติเหล่านี้ ซึ่งเกมนี้จะช่วยฝึกการคิดวิเคราะห์ แก้ไขปัญหา และสร้างความสนุกสนานตื่นเต้นให้แก่ลูก ๆ ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
4.เล่นเกมเศรษฐี
อีกหนึ่งเกม ที่ไม่ว่าใครในวัยเด็กก็ต้องเคยเล่นมาก่อน นั่นก็คือ ’เกมเศรษฐี’…
เนื่องจากเด็กทารก…. จะยังไม่สามารถพูดหรือสื่อสารให้คนรอบข้างเข้าใจได้
ทำให้เหล่าคุณพ่อคุณแม่มือใหม่อาจเกิดความเครียดในการรับมือกับลูกน้อย เพราะไม่รู้ว่าที่ลูกร้องนั้นต้องการอะไร
แต่รู้หรือไม่ว่า…ทุกการกระทำของลูกน้อยสามารถสื่อความต้องการได้ โดยสามารถสังเกตได้จาก สีหน้า เสียง และท่าทาง
หรือที่เรียกว่า “ภาษากาย (Body Language)” นั่นเอง
ถ้าคุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านออกว่าลูกน้อย ต้องการบอกอะไรและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ข้อดีก็คือ เจ้าตัวเล็กจะรู้สึกปลอดภัย
และเกิดความผูกพันกับพ่อแม่มากขึ้น ดังนั้น เราจึงมี 7 วิธีสังเกตภาษากายของลูกน้อยที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรรู้ มาติดตามกันเลยค่ะ~
ท่าทางเตะขา หรือถีบขา แล้วยิ้มไปด้วย
สิ่งที่ลูกน้อยกำลังพยายามสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ คือ เขากำลังมีความสุขและอยากเล่นเต็มที่ สังเกตได้จากการที่ลูกน้อยสบตาและเตะเท้าไปด้วย ดังนั้นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ ควรทำคือ การตอบสนองความรู้สึกของลูกด้วยการร้องเพลง หรือ พูดคุย เพื่อแสดงให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่ก็กำลังมีความสุขมากเช่นกัน แต่หากลูกเตะขาและส่งเสียงร้องไห้ล่ะก็ อาจหมายถึงเขากำลังรู้สึกไม่สบายตัว และต้องการความช่วยเหลือจากคุณพ่อคุณแม่ เช่น อาจกำลังท้องอืด หรือผ้าอ้อมเปียกแฉะ คัน เป็นต้น
ท่าแอ่นหลัง
ถ้าลูกน้อยกำลังแอ่นหลัง พร้อมกับทำสีหน้าบึ้งตึงเหมือนจะร้องไห้ แสดงว่าลูกน้อยกำลังรู้สึกไม่สบายตัว อึดอัด แต่ถ้าแอ่นหลังในระหว่างกินข้าวและบ้วนอาหารออกมา เดาได้ว่าลูกอาจจะอิ่มแล้ว ควรหยุดป้อนอาหาร เพราะถ้ายังหลอกล่อให้ลูกกินต่อ อาจจะทำให้เกิด “ภาวะกรดไหลย้อนในเด็ก” ได้ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ คือ อุ้มลูกขึ้นมาและหาสาเหตุที่ทำให้ลูกไม่สบายตัว เช่น สำรวจผ้าอ้อม ดูว่าลูกหิวหรือปวดท้องกันแน่ จะได้สามารถแก้ปัญหาได้ถูกจุด…
การเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นเด็กที่ไม่ดื้อ ไม่ซนนั้นก็สำคัญแต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือการสอนลูกให้มองโลกในแง่บวกมากยิ่งขึ้น ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งมีเรื่องให้คิดไม่ตกเยอะขึ้น ถ้าลูกของเราโตมาเป็นคนที่มีความคิดในแง่บวก ปัญหาที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นปัญหาแบบไหนเด็กย่อมสามารถรับปัญหานั้นได้ด้วยตัวเองแน่ๆ วันนี้เราจึงอยากจะมานำเสนอเทคนิคเล็กๆน้อยๆเพื่อสอนลูกของเราเป็นเด็กที่คิดในแง่บวก ไปดูกันเลยดีกว่า
1. สอนลูกให้เป็นตัวของตัวเอง
การไม่ปิดกั้นความคิดของเด็กๆ จะยิ่งช่วยให้เด็กสามารถค้นหาตัวเองได้ดีขึ้น การเป็นตัวของตัวเองนั้นทำให้ตัวเด็กรู้สึกดีมากยิ่งขึ้น การสอนให้เด็กเป็นตัวของตัวเอง รักในสิ่งที่ตนเองเป็น พอใจในสิ่งที่ตนมีทำให้เด็กมีทัศนคติที่ดีและแง่บวกมากขึ้น
2. เปิดโอกาสให้ลูกคิด
ความคิดสร้างสรรค์ในวัยเด็ก เป็นอะไรที่ไม่ควรปิดกั้นอย่างยิ่งเพราะจะทำให้เด็กอึดอัดที่ไม่ได้แสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ การที่เราหวังดีมากจนเกินไปจนกลายเป็นการบังคับทำให้เด็กไม่ได้คิดอะไรด้วยตัวเอง จะทำให้เด็กเริ่มมองสิ่งต่างๆดูแย่มากขึ้น เพราะฉะนั้นเทคนิคของนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เด็กคิดในแง่ดีมากยิ่งขึ้น
3. สร้างรอยยิ้มสู้ปัญหา
การยิ้มคือการแสดงความสุขออกมา นอกจากจะยิ้มเวลาที่เรารู้สึกดีแล้วยังทำให้คนอื่นที่เห็นรู้สึกดีตามไปอีกด้วย
4. สอนให้ลูกคิดในแง่ดี
ลองให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นออกมาในแต่ละสถานการณ์ และสอนลูกๆของเราว่าความคิดไหนจะส่งผลอะไรบ้าง ให้เด็กได้เรียนรู้ว่าความคิดแบบนั้นเป็นแง่ลบหรือแง่ดี ถ้าความคิดของลูกเป็นไปในแง่ที่ไม่ดี เราจะได้สามารถสอนลูกของเราได้ว่าการคิดในแง่ดีนั้นเป็นอย่างไร
5. เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก
สิ่งสำคัญของการสอนลูกของเราคือ การเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก แน่นอนว่าลูกของเราจะเลียนแบบพฤติกรรมของเราอย่างแน่นอน ถ้าเราคิดในแง่ร้ายและทำแต่สิ่งร้ายๆ เด็กก็จะติดมันไปด้วย แต่ถ้าเราเป็นแบบอย่างที่ดี เลือกทำแต่สิ่งที่ดีๆ แน่นอนว่าลูกของเราจะต้องทำตามอย่างแน่นอน ^^